หน้าแรก
|
เว็บบอร์ด
|
อ่านกระทู้ถามตอบ
คำถามคำตอบ
โควตาการขออนุมัติชาวต่างชาติ และเงื่อนไขรายได้ขั้นต่ำ ในกิจการที่ได้รับการส่งเสริม
ตาม ประกาศ กกท ที่ ป.8/2568
ที่มา : ข่าวประชาสัมพันธ์ e-News Single Window for Visa and Work Permit
ฉบับที่ 94 เดือนกันยายน 2568
ศูนย์บริการวีซ่าและใบอนุญาตทางาน
หมวดที่ 1: โควตาการจ้างงานคนไทย
Q1 : ข้อกำหนดการจ้างพนักงานคนไทยไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 บังคับใช้กับทุกกิจการหรือไม่?
A : ไม่บังคับใช้กับทุกกิจการ ใช้เฉพาะบริษัทที่ได้รับส่งเสริมการลงทุนในกิจการ"ผลิต" และมีจำนวนรวมของพนักงานคนไทยทั้งบริษัทและบุคลากรต่างชาติประจำของกิจการผลิตทั้งหมด (ตามที่อนุมัติในระบบ Single Window – SW) เกินกว่า 100 คน
เช่น หากบริษัท A ได้รับส่งเสริม 3 โครงการ ทั้งในกิจการผลิตและกิจการบริการ โดยมีการจ้างงาน ดังนี้
- พนักงานไทย ทั้งบริษัท 90 คน
- โครงการที่ 1 กิจการผลิต บุคลากรต่างชาติ 20 คน
- โครงการที่ 2 กิจการผลิต บุคลากรต่างชาติ 10 คน
- โครงการที่ 3 กิจการ TISO บุคลากรต่างชาติ 10 คน
- จึงมีจำนวนพนักงานไทยทั้งบริษัท (90 คน) และบุคลากรต่างชาติในกิจการผลิต (30 คน)
รวม 120 คน คิดเป็นการจ้างพนักงานไทยร้อยละ 75 จึงเป็นไปตามข้อกำหนดของ BOI
|
Q2 : มาตรการใหม่ตามประกาศ ป.8/2568 นี้ มีผลบังคับใช้เมื่อใด?
A : โครงการที่ได้รับบัตรส่งเสริมการลงทุนก่อนวันที่ 5 มิถุนายน 2568 ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 และโครงการที่ได้รับบัตรส่งเสริมการลงทุนหลังวันที่ 5 มิถุนายน 2568 ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568
|
Q3 :บริษัท Aได้รับส่งเสริมในกิจการผลิต โดยมีการจ้างงานทั้งสิ้น 101คน เป็นคนไทย 71คน และคนต่างชาติ 30คน ที่ใช้สิทธิ BOI จึงไม่ขัดกับเงื่อนไขโควตา ต่อมาบริษัทได้รับส่งเสริมในกิจการ TISO โดยจะไม่จ้างคนไทยเพิ่ม แต่จะขอบรรจุคนต่างชาติเพิ่ม 2 คนภายใต้บัตร TISO เคสนี้จะอนุมัติได้หรือไม่?
A : อนุมัติได้ เนื่องจากคนต่างชาติ 2 คน จะบรรจุภายใต้บัตร TISO ซึ่งเป็นกิจการบริการ จึงไม่นับรวมเป็นคนต่างชาติที่ต้องนับรวมในโควตาทั้งส่วนจำนวนคนต่างชาติและจำนวนพนักงานทั้งบริษัท
|
Q4 :หากมีการจ้างพนักงานคนไทยน้อยกว่าร้อยละ 70 จะมีผลอย่างไร?
A : บริษัทจะไม่สามารถยื่นคำขอบรรจุหรือต่ออายุได้ จนกว่าจะได้มีการยื่นหลักฐานประกันสังคมที่มีจำนวนพนักงานไทยเกินกว่าร้อยละ 70
|
Q5 :พนักงานกลุ่มใดบ้างที่ไม่นับรวมในการคำนวณโควตา 70%
A : ไม่นับรวม
- พนักงานต่างชาติชั่วคราว (บุลคากรต่างชาติในตำแหน่งที่ได้รับอนุญาตระยะเวลาการอยู่ในประเทศไม่เกิน 6 เดือน)
- แรงงานตาม MOU
- บุคลากรต่างชาติที่ไม่ได้ใช้สิทธิ์ BOI ภายใต้บัตรกิจการผลิตทั้งหมด เช่น ใช้สิทธิ์ธุรกิจทั่วไป สิทธิ์ กนอ. หรือสิทธิ์ BOI ภายใต้บัตรกิจการบริการ
|
Q6 : พนักงาน Subcontract และเด็กฝึกงานนับรวมเป็นพนักงานไทยหรือไม่?
A : นับเฉพาะพนักงานไทยที่บริษัทมีการนำส่งเงินสมทบประกันสังคมเท่านั้น
|
Q7 : การนับจำนวนบุคลากรต่างชาติประจำอ้างอิงจากอะไร?
A : อ้างอิงจากจำนวนบุคลากรในบัตรการผลิตทั้งหมดของบริษัทที่ได้รับอนุมัติในระบบ SW
|
Q8 : หากจำนวนรวมเกินกว่า 100 คน จะคำนวณโควตา 70% อย่างไร?
A : มีวิธีการคำนวณดังนี้
วิธีที่ 1 : คำนวณจำนวนบุคลากรต่างชาติประจำในบัตรการผลิตที่จะใช้สิทธิ์ BOI ได้ ต้องน้อยกว่าหรือเท่ากับ (พนักงานไทย × 3) ÷ 7
วิธีที่ 2 : คำนวณจำนวนพนักงานไทยที่บริษัทต้องมีมากกว่าหรือเท่ากับ (บุคลากรต่างชาติประจำในบัตรการผลิตที่จะใช้สิทธิ์ BOI× 7) ÷ 3
หมายเหตุ: หากได้เศษ ให้ปัดเศษลง
|
Q9 : การนับจำนวนพนักงานคนไทยอ้างอิงจากหลักฐานใด?
A : หลักฐานประกันสังคมของบริษัท ได้แก่ แบบรายการแสดงการส่งเงินสมทบ สปส.1-10 (ส่วนที่ 1-2)
|
Q10 : หากจำนวนพนักงานรวมไม่เกิน 100 คน ต้องยื่นหลักฐานประกันสังคมหรือไม่?
A : ต้องยื่นทุกกรณี เพื่อให้ตรวจสอบอัตราส่วนการจ้างงานคนไทยได้อย่างต่อเนื่อง
|
Q11 : ต้องยื่นหลักฐานประกันสังคมเมื่อใด?
A :
- การยื่นหลักฐานประกันสังคมครั้งแรก
ยื่นแบบ สปส. ของเดือนล่าสุดก่อนประกาศบังคับใช้ หรือก่อนมีการยื่นขอบรรจุตัวบุคคลครั้งแรกหลังประกาศบังคับใช้
- การยื่นหลักฐานประกันสังคมครั้งต่อไป แบ่งออกเป็น 2 กรณี
- กรณีที่ 1 : กรณีบริษัทมีจำนวนบุคลากรต่างชาติที่ใช้สิทธิ BOI (สำหรับกิจการผลิตและกิจการบริการ) น้อยกว่าหรือเท่ากับ 30 คน
--> ให้ยื่นแบบ สปส. เป็นรายปี สำหรับค่าจ้างเดือนธันวาคมของปีที่ผ่านมาภายในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี
ตัวอย่าง: บริษัท A ซึ่งมีจำนวนบุคลากรต่างชาติที่ใช้สิทธิ BOI ในกิจการผลิต 28 คน ได้ยื่นแบบ สปส. สาหรับค่าจ้างเดือนกันยายน 2568 ในระบบ SW เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2568 ครั้งต่อไป บริษัท A จะต้องยื่นแบบ สปส. สาหรับค่าจ้างเดือนธันวาคม 2568 โดยสามารถยื่นได้ภายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2569
หมายเหตุ : การยื่นกรณีนี้จะนับว่าต้องยื่นปีละ 1 ครั้ง
- กรณีที่ 2 : กรณีบริษัทมีจำนวนบุคลากรต่างชาติที่ใช้สิทธิ BOI (เฉพาะกิจการผลิต) มากกว่า 30 คน
-->ให้ยื่นแบบ สปส. ของเดือนล่าสุด โดยจะต้องยื่นภายในวันสิ้นเดือนของทุก 3 เดือน นับถัดจากเดือนของค่าจ้างที่ระบุในแบบ สปส. ที่ยื่นครั้งล่าสุด
ตัวอย่าง : หากบริษัท B ซึ่งมีจำนวนบุคลากรต่างชาติที่ใช้สิทธิ BOI ในกิจการผลิต 31คน ได้ยื่นแบบ สปส. สำหรับค่าจ้างเดือนสิงหาคม 2568 ในระบบ SW เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2568 ในการยื่นครั้งต่อไป บริษัท B จะต้องยื่นแบบ สปส. สำหรับค่าจ้างเดือนของเดือนพฤศจิกายนภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2568
หมายเหตุ : การนับระยะเวลา 3 เดือน จะนับถัดจากเดือนของค่าจ้างในแบบ สปส. ที่ยื่นล่าสุดออกไป 3 เดือน เช่น หากการยื่นครั้งล่าสุดเป็นแบบ สปส. ของค่าจ้างเดือนมีนาคม การยื่นครั้งต่อไปจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนมิถุนายน
- กรณีไม่ยื่นหลักฐานประกันสังคมตามที่กำหนด
หากแบบ สปส. ที่ยื่นมีอายุมากกว่า 3เดือน หรือไม่ได้ยื่นแบบ สปส. ในครั้งแรกหรือภายใน 3เดือน (กรณีทั่วไป) หรือภายในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี (กรณีบริษัทที่มีคนต่างชาติไม่เกิน 30 คน) หลังจากที่ได้ยื่นแบบ สปส. ครั้งสุดท้าย ระบบจะตรวจจับและไม่สามารถยื่นคำขอต่าง ๆ ได้
- กรณีมีการจ้างคนไทยเพิ่ม
สามารถยื่นแบบ สปส. ของเดือนล่าสุดเพื่ออัพเดทได้ทุกเวลา หลังจากนั้น ให้ยื่นแบบ สปส. ครั้งต่อไปตามข้อ 2
|
Q12 : หากไม่ยื่นหรือไม่อัพเดทหลักฐานประกันสังคมภายในเวลาที่กำหนด จะมีผลอย่างไร?
A : บริษัทจะไม่สามารถยื่นคำขอบรรจุหรือต่ออายุได้
|
Q13 : สามารถปกปิดชื่อพนักงาน เงินเดือน หรือข้อมูลอื่น ๆ ได้หรือไม่ เนื่องจากบริษัทมีนโยบายให้พนักงานเพียงบางคนสามารถเห็นเงินเดือนของพนักงานได้?
A : ไม่สามารถปกปิดข้อมูลส่วนใดส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดได้ โดยบริษัทสามารถสร้าง User account ในระบบ Single Window ให้กับพนักงาน HR หรือแผนกอื่นที่รับผิดชอบในเรื่องเงินเดือนพนักงาน เพื่อให้เป็นผู้ยื่นเอกสารหลักฐานประสันสังคมในระบบ SW ก็ได้ เนื่องจาก User คนอื่นจะไม่สามารถเปิดดูหลักฐานประกันสังคมที่ตนเองไม่ได้เป็นผู้ยื่นได้
|
หมวดที่ 2: เงื่อนไขรายได้ขั้นต่ำ
Q1 : เงื่อนไขรายได้ขั้นต่ำใช้กับทุกสัญชาติและทุกกิจการหรือไม่?
A : ใช้กับบุคลากรต่างชาติทุกตำแหน่งในระบบ SW ทุกกิจการ โดยกำหนดอัตรารายได้ขั้นต่ำแตกต่างกันตามระดับและประเภทของตำแหน่ง ยกเว้นพนักงานต่างชาติชั่วคราว (บุคลากรต่างชาติในตำแหน่งที่ได้รับอนุญาตระยะเวลาการอยู่ในประเทศไม่เกิน 6 เดือน)
|
Q2 : คนต่างชาติที่เข้ามาเพื่อสำรวจลู่ทางการลงทุนหรือขออนุญาตเข้ามาระหว่างที่รอการอนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุน หรือพนักงานต่างชาติชั่วคราวจำเป็นต้องมีรายได้ขั้นต่ำด้วยหรือไม่?
A : ไม่จำเป็น
|
Q3 : รายได้ขั้นต่ำคือเท่าใด?
A : กำหนดรายได้ขั้นต่ำเฉลี่ยต่อเดือนสำหรับแต่ละระดับตำแหน่งและประเภทตำแหน่ง
- ระดับ Executive เช่น CEO, MD ต้องไม่น้อยกว่า 150,000 บาท/เดือน
- ระดับ Management เช่น Manager และ Advisor ต่างๆ ต้องไม่น้อยกว่า 75,000 บาท หรือ 50,000 บาทหากมีวุฒิปริญญาตรี
- ระดับ Operation (ยกเว้นวิศวกร นักวิจัย ผู้เชี่ยวชาญ IT) เช่น Technician, Specialist, Supervisor ต้องไม่น้อยกว่า 50,000 บาท/เดือน
- วิศวกร นักวิจัย ผู้เชี่ยวชาญ IT ต้องไม่น้อยกว่า 75,000 บาท หรือ 50,000 บาทหากมีวุฒิปริญญาตรีที่ตรงสาขา
- Operator ในกิจการ TISO ที่มี IBPO, IBPO และ BPO ต้องไม่น้อยกว่า 35,000 บาท/เดือน
|
Q4 : หากรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ขั้นต่ำจะเป็นอย่างไร?
A : จะไม่ได้รับการอนุมัติทั้งการบรรจุและการต่ออายุ
|
Q5 : ตำแหน่ง CHAIRMAN, PRESIDENT, CEO, MANAGING DIRECTOR ได้รับการยกเว้นเงื่อนไขรายได้ขั้นต่ำหรือไม่?
A : ไม่ได้รับการยกเว้น ยกเว้นเฉพาะเกณฑ์อายุและประสบการณ์ทำงาน
|
Q6 : ตำแหน่งด้าน IT หมายถึง "ผู้ชำนาญการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ" เฉพาะในกิจการซอฟต์แวร์ใช่หรือไม่?
A : ไม่ใช่ หมายถึงตำแหน่งด้าน IT ในทุกประเภทกิจการ
|
Q7 : หากมีชื่อตำแหน่งในระดับ Management เช่น Production Manager จะสามารถขอบรรจุตำแหน่งในระดับ Operation เพื่อยื่นคำขอโดยใช้เกณฑ์เงินเดือนของระดับ Operation (50,000 บาท) แทนได้ไหม?
A : ไม่ได้ ต้องขอบรรจุในระดับตำแหน่งที่ตรงกับชื่อและขอบข่ายงานเท่านั้น โดยในกรณี Production Manager ต้องบรรจุในระดับ Management ซึ่งต้องมีรายได้ไม่น้อยกว่า 50,000 บาทหากมีวุฒิปริญญาที่ตรงกับสาขา หรือ 75,000 บาทถ้าไม่มีวุฒิปริญญาตรี
แต่สำหรับบางตำแหน่ง เช่น GENERAL MANAGER ซึ่งปัจจุบันจัดอยู่ในระดับ Executive หากชาวต่างชาติเคยได้รับอนุมัติบรรจุในระดับ MANAGEMENT ไปก่อนหน้านี้แล้ว จะยังคงให้ถือเป็นระดับ Management ต่อไปจนกว่าชาวต่างชาติผู้นั้นจะพ้นจากตำแหน่ง
|
Q8 : ต้องใช้หลักฐานใดพิสูจน์รายได้ขั้นต่ำ?
A : ยื่นเอกสารดังนี้
ขั้นตอนบรรจุ :
ใช้สัญญาจ้างที่ระบุเงินได้ชัดเจน โดยจะไม่รวมค่าตอบแทนใดๆ ที่ไม่มีระบุเป็นจำนวนเงินในสัญญา เช่น สวัสดิการที่พักอาศัย คนขับรถ เป็นต้น
ทั้งนี้ ต้องเป็นสัญญาระหว่างคนต่างชาติกับบริษัทในไทยที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน หรือสัญญาจ้างกับบริษัทในเครือในกรณีที่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานให้ปฏิบัติงานในบริษัทในเครือ หรือในกรณีที่ไม่มีสัญญาจ้างกับบริษัทในประเทศไทยโดยตรง อนุโลมให้ใช้สัญญาจ้างระหว่างคนต่างชาติกับบริษัทแม่ในต่างประเทศได้ โดยในกรณีนี้ จะต้องแนบหนังสือรับรองว่าคนต่างชาติได้รับมอบหมายให้มาปฏิบัติงานในกิจการที่ได้รับการส่งเสริม และลงนามโดยกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัทที่ได้รับการส่งเสริมในประเทศไทยประกอบด้วย
ขั้นตอนการต่ออายุ:
ใช้ ภ.ง.ด.1ก หรือใช้ ภ.ง.ด.1 อย่างน้อย 3 เดือนย้อนหลัง เฉพาะกรณีบรรจุไม่ถึง 1 ปี (ไม่ครบตามรอบยื่น ภ.ง.ด.1ก) แต่ในที่รวมรายได้ที่ได้รับจากบริษัทแม่ในต่างประเทศ หรือกรณีที่รวมรายได้ที่ได้รับจากบริษัทในเครือที่คนต่างชาติได้รับอนุญาตจากสำนักงานให้ปฏิบัติงานในประเทศไทย อนุโลมให้ใช้ ภ.ง.ด. 90/91 ได้ โดยในกรณีนี้จะต้องแนบหนังสือรับรองว่าเป็นรายได้เกินกว่ากึ่งหนึ่งมาจากการทำงานในบริษัทที่ได้รับการส่งเสริมในประเทศไทย และลงนามโดยกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัทที่ได้รับการส่งเสริมในประเทศไทยประกอบด้วย
|
Q9 : ต้องแนบเอกสาร ภ.ง.ด.1/1ก ทุกหน้าหรือไม่?
A : แนบเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยเรียงลำดับดังนี้
- ใบเสร็จ
- แบบยื่นภาษีหัก ณ ที่จ่าย
- ใบแนบ ภ.ง.ด.1/1ก เฉพาะหน้าที่มีรายชื่อบุคลากรต่างชาติ
- ใบแนบ ภ.ง.ด.1/1ก หน้าสุดท้ายที่ระบุจำนวนรวม
|
Q10 :กรณีต่ออายุจากตำแหน่งเดิมที่ไม่มีการกำหนดรายได้ขั้นต่ำมาก่อน จะต้องยื่นหลักฐานใด?
A : ในช่วงประกาศเริ่มมีผลบังคับใช้ไม่เกิน 3 เดือน อนุโลมให้สามารถแนบ ภ.ง.ด.1 ในเดือนล่าสุดเพียงเดือนเดียวแทน ภ.ง.ด. 1ก เพื่อแสดงให้เห็นว่าได้มีการปรับรายได้ให้เป็นไปตามเกณฑ์รายได้ขั้นต่ำแล้ว
ทั้งนี้ ในกรณี ที่ ภ.ง.ด.1 ในเดือนล่าสุด มีการจ่ายโบนัส หรือเงินพิเศษอื่นซึ่งอาจเป็นการจ่ายเฉพาะเดือนนั้นเท่านั้นรวมอยู่ด้วย จะต้องแนบ ภ.ง.ด. 1 ในเดือนก่อนเดือนล่าสุดประกอบ โดยสำนักงานจะคำนวณรายได้ของคนต่างชาติโดยรวมรายได้ประจำกับเงินโบนัส หรือเงินพิเศษซึ่งหารย่อตามสัดส่วนรายเดือน
|
Q11 : หากบุคลากรพ้นจากตำแหน่งหน้าที่เดิม และย้ายไปตำแหน่งใหม่ ต้องแนบเอกสารใด?
A : หากพ้นตำแหน่งมาไม่เกิน 1 ปี ต้องแนบสัญญาจ้างใหม่ และ ภ.ง.ด.1/1ก ที่แสดงรายได้ตามเกณฑ์ตำแหน่งใหม่
|
Q12 : สามารถนับรวมรายได้ที่ได้รับจากบริษัทแม่ในต่างประเทศได้หรือไม่ และจะต้องยื่นหลักฐานใดหรือไม่?
A : สามารถรวมได้ กรณีบรรจุ สามารถยื่นสัญญาจ้างกับบริษัทในประเทศไทย หรือสัญญาจ้างกับบริษัทแม่ในต่างประเทศ โดยในกรณีนี้จะต้องแนบหนังสือรับรองการปฏิบัติงานในบริษัทในไทยที่ลงนามโดยกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัทที่ได้รับการส่งเสริมในไทยด้วย
และในกรณีการต่ออายุ อนุโลมให้ยื่นภาษี ภ.ง.ด.90/91 ซึ่งรวมรายได้จากต่างประเทศและในประเทศถึงเกณฑ์รายได้ขั้นต่ำและหนังสือรับรองว่าเป็นรายได้ทั้งหมดมาจากการทำงานในบริษัทในประเทศไทยที่ลงนามโดยกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัทในไทย
|
Q13 : กรณีนอกเหนือจากการทำงานในบริษัทที่ได้รับการส่งเสริม คนต่างชาติได้รับอนุญาตจากสำนักงานให้ทำงานในเครือบริษัทเดียวกัน สามารถใช้รายได้รวมจากทุกบริษัทเป็นรายได้ขั้นต่ำได้หรือไม่?
A : สามารถรวมรายได้จากบริษัทหลักที่คนต่างชาติใช้สิทธิ BOI หรือรวมจากหลายบริษัทในเครือที่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานให้ปฏิบัติเพิ่มเติมก็ได้ ทั้งนี้ รายได้เกินกว่ากึ่งหนึ่งต้องมาจากบริษัทหลักที่คนต่างชาติใช้สิทธิประโยชน์ด้านวีซ่าและใบอนุญาตทางานในปัจจุบัน
|
Q14 :สามารถรวมโบนัส หรือเงินพิเศษต่าง ๆ เช่น เงินประจำตำแหน่ง สวัสดิการค่าที่พัก เป็นรายได้ขั้นต่ำได้หรือไม่?
A : รวมได้ ทั้งนี้ ในขั้นตอนการบรรจุครั้งแรกจะต้องระบุในสัญญาจ้างโดยชัดเจนว่าโบนัสและเงินพิเศษต่าง ๆ ที่ได้รับนั้นเป็นเงินเท่าใด และในกรณีการต่ออายุ จะต้องยื่นรวมใน ภ.ง.ด.90/91 และหนังสือรับรองว่าเป็นรายได้เท่าใดที่มาจากการทำงานในบริษัทในประเทศไทยที่ลงนามโดยกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัทในไทย
|
Q15 : กรณีใช้ ภ.ง.ด.90/91 และมีรายได้อื่นที่ไม่ได้มาจากการทำงานที่ได้รับอนุมัติบรรจุหรือได้รับอนุญาตจากสำนักงานให้ไปทำงานในเครือ จะสามารถนำมานับรวมเป็นรายได้หรือไม่ อย่างไร?
A : รายได้อื่น ๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการทำงานกิจการที่ได้รับการส่งเสริมหรือบริษัทในเครือที่ได้รับอนุญาตให้ปฏิบัติงาน จะไม่นับรวมเป็นรายได้ตามหลักเกณฑ์รายได้ขั้นต่ำของสำนักงาน เช่น
- รายได้จากการทำงานเพิ่มในบริษัทในเครือซึ่งไม่ได้รับอนุญาตจากสำนักงาน
- รายได้จากการทำงานในบริษัท ห้างหุ้นส่วน หรือองค์กรใด ๆ ที่ไม่ได้รับอนุญาตจากสำนักงาน
- เงินรางวัล เช่น ถูกสลากออมสิน
- ดอกเบี้ยและเงินปันผลจากการลงทุน
- ค่าเช่าหรือกำไรจากการค้าขายทรัพย์สินต่าง ๆ
|
หน้าแรก
|
เว็บบอร์ด
|
อ่านกระทู้ถามตอบ
|