เรียนแอดมิน
บริษัทฯ ต้องการลงทุนในมาตราการปรับปรุงประสิทธิภาพฯ ซึ่งเป็นโครงการดำเนินการอยู่แล้ว สิทธิประโยชน์ด้านภาษีเงินได้นิติบุคคลสิ้นสุดแล้ว
จะลงทุนใน "มาตราการปรับปรุงประสิทธิภาพ ด้านการประหยัดพลังงาน การใช้พลังงานทดแทน หรือลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม"
โดยได้เก็บข้อมูลมาแล้ว 1 ปี เป็นการลงทุนทำระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ (The water cooled system) แต่ทางบริษัทฯมีหลายโครงการ ใน 1 ระบบที่ลงทุน กล่าวคือ จะลงทุนใน 1 โรงงานใหญ่ 1 ระบบ โดยมีหลายบัตรส่งเสริมอยู่รวมกัน 5 บัตร แบบนี้ สามารถยื่นขอรับการส่งเสริมในมาตราการนี้ได้หรือไม่ค่ะ หรือพิจารณาอย่างไร?
ขอบคุณค่ะ
1. กรณีที่สอบถาม บริษัทจะลงทุนตามมาตรการปรับปรุงประเภทสิทธิภาพฯ
โดยเป็นการลงทุนครั้งเดียว 1 ระบบ แต่ส่งผลให้เกิดการปรับปรุงฯ พร้อมกัน มากกว่า 1 โครงการ
2. หากทุกโครงการตามข้อ 1 สิ้นสุดสิทธิการยกเว้น/ลดหย่อนภาษีเงินได้แล้ว และได้รับอนุมัติเปิดดำเนินการเต็มโครงการแล้ว
2.1 บริษัทสามารถยื่นคำขอปรับปรุงฯ เพียง 1 คำขอ โดยรวมของทุกโครงการเข้าด้วยกัน
โดยจะได้รับอนุมัติเป็นบัตรปรับปรุงฯ 1 ฉบับ
ซึ่งเป็นการรวมโครงการ และการปรับปรุงประสิทธิภาพฯ ไปในคราวเดียวกัน
2.2 หรือจะยื่นคำขอปรับปรุงฯ เป็น 5 คำขอ และออกบัตรปรับปรุงฯ เป็น 5 ฉบับ เหมือนเดิมก็ได้
โดยจะต้องปันส่วนมูลค่าการลงทุนของ 1 ระบบ เป็น 5 ส่วน สอดคล้องกับแต่ละบัตรส่งเสริม
เพื่อกำหนดมูลค่าการลงทุน และวงเงินยกเว้น/ลดหย่อนภาษี ของแต่ละโครงการได้อย่างถูกต้อง
3. กรณีที่สอบถาม จะเป็นการลงทุน 1 ระบบ ในครั้งเดียว
จึงควรเป็นวิธีตามข้อ 2.1
ซึ่งนอกเหนือจากการได้รับสิทธิจากการลงทุนปรับปรุงฯ แล้ว
การรวมโครงการ น่าจะทำให้การบริหารจัดการด้านเครื่องจักร วัตถุดิบ ฯลฯ มีความสะดวกมากขึ้นการแยกเป็นหลายโครงการ ครับ
บริษัทฯลงทุนตามมาตรการปรับปรุงประเภทสิทธิภาพฯ โดยเป็นการลงทุนครั้งเดียว 1 ระบบ แต่ส่งผลให้เกิดการปรับปรุงฯ พร้อมกัน มากกว่า 1 โครงการ
ซึ่งเป็นการรวมโครงการ และการปรับปรุงประสิทธิภาพฯ ไปในคราวเดียวกัน
สอบถามเพิ่มเติมว่าเข้าใจถูกต้องหรือไม่ดังนี้ค่ะ
1. หากรวมทุกโครงการแล้ว เครื่องจักร วัตถุดิบ ฯลฯ จะอยู่ภายใต้ 1 บัตรฯใหม่ ที่เป็นบัตรปรับปรุงฯนี้ และสิทธิต่างๆ จะเกิดขึ้นหลังจากบัตรใหม่อนุมัติ
2. การผลิตผลิตภัณฑ์ ยังคงเดิมทุกโครงการ
3. การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลจากรายได้ของทุกโครงการจะคิดรวมกัน เพื่อใช้สิทธิของบัตรฯปรับปรุงประสิทธิภาพนี้
4. สิทธิยกเว้นภาษีฯ ในระยะเวลา 3 ปีรวมกันไม่เกิน 50% ของเงินลงทุน เช่น ลงทุนโครงการไป 60ล้าน ปีที่ 1-3 มีกำไร เช่น ปีที่ 1=10ล้าน , ปีที่ 2=10ล้าน , ปีที่3=10ล้าน เป็นต้น ก็สามารถใช้ได้สิทธิ์ได้ทั้ง 3 ปี
5. หลังจากการยื่นคำขอใหม่ในมาตราการต่างๆ นี้ ในการดำเนินขั้นต่อๆไป คือ ตอบรับมติ ออกบัตรฯ ทำบัญชีรายการเครื่องจักร เปิดดำเนินการ ฯลฯ
ขอบคุณมากค่ะ
ตอบคำถามกรณียื่นคำขอตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพฯ โดยการรวมหลายโครงการเข้าด้วยกัน
1. บัตรเดิมจะถูกยกเลิกทั้งหมด (ยกเว้นกรณีตามข้อ 6)
2. สิทธิประโยชน์ด้าน non-tax เช่น ช่างฝีมือ ที่ดิน จะได้รับอยู่ตามเดิม
3. สิทธิด้านภาษีเงินได้
- ยกเว้นภาษีเงินได้ 3 ปี ไม่เกินร้อยละ 50 ของมูลค่าการลงทุนปรับปรุงฯ
จากรายได้ของกิจการที่ดำเนินการอยู่เดิม โดยเริ่มนับตั้งแต่วันถัดจากวันออกบัตรปรับปรุงฯ
4. สิทธิด้านเครื่องจักร
- ยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร เฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการปรับปรุงฯ
- ส่วนเครื่องจักรในส่วนของโครงการเดิม ให้ได้ตามสิทธิเดิม เช่น หากโครงการเดิมได้รับสิทธินำเข้าเครื่องจักรตลอดระยะเวลาที่ได้รับส่งเสริม จะยังคงให้ได้รับสิทธิในส่วนนั้นตามที่ได้รับอยู่เดิม
5. สิทธิด้านวัตถุดิบ
- ได้รับตามสิทธิของโครงการเดิม เช่น หากโครงการเดิมมีทั้งโครงการที่ได้รับสิทธิ ม.36 และโครงการที่ไม่รับสิทธิ ม.36 ก็จะได้รับสิทธิตามที่ได้รับอยู่เดิมเช่นกัน
6. ไม่จำเป็นต้องนำผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของทุกโครงการ มายื่นขอปรับปรุงฯ ก็ได้
เช่น บัตรที่ 1 ผลิตสินค้า A บัตรที่ 2 ผลิตสินค้า A และ B
อาจยื่นคำขอปรับปรุงฯ เฉพาะในส่วนของผลิตภัณฑ์ A ก็ได้
ผลที่เกิดขึ้นคือ
- จะเกิดบัตรปรับปรุงฯ ฉบับใหม่ ผลิตสินค้า A (เป็นการรวม A ของบัตรที่ 1 และบัตรที่ 2)
- บัตรที่ 1 จะถูกยกเลิก เนื่องจากมีการออกบัตรปรับปรุงฯ
- บัตรที่ 2 จะถูกแก้ไขเป็นผลิตสินค้า B เท่านั้น
7. การดำเนินการขั้นตอนต่างๆ เช่น ตอบรับมติ ขอออกบัตร ขอใช้สิทธิต่างๆ ส่วนใหญ่จะเป็นไปตามขั้นตอนตอนปกติ แต่มีเรื่องที่ต้องระมัดระวัง เช่น
7.1 วัตถุดิบ
- ต้องสร้างบัญชีรายการสต็อกวัตถุดิบใหม่ (เนื่องจากส่วนใหญ่จะต้องแก้ไข group no ใหม่ทั้งหมด) และขอโอนย้ายยอดวัตถุดิบคงเหลือ และโอนย้ายสูตรการผลิต ไปยังบัตรปรับปรุงฯ
7.2 ช่างฝีมือ
- อาจต้องขอแก้ไข/เปลี่ยนแปลงตำแหน่งที่อาจซ้ำซ้อนกัน
7.3 เครื่องจักร
- การจัดการเครื่องจักรที่นำเข้ามาในโครงการเดิม เช่น การขอจำหน่าย ตัดบัญชี ฯลฯ ต้องยื่นในโครงการใหม่ โดยถือเป็นรายการนอกบัญชีของบัตรปรับปรุงฯ เป็นต้น
การยื่นคำขอปรับปรุงฯ กรณีรวมหลายบัตร (ทั้งกรณีรวมเต็มบัตร และรวมไม่เต็มบัตร)
ควรปรึกษากับ จนท BOI ที่รับผิดชอบงานด้านนั้นๆ เพื่อเตรียมความพร้อมไว้ล่วงหน้า จะได้ไม่เกิดปัญหาในทางปฏิบัติ ครับ
ตอบคำถามกรณียื่นคำขอตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพฯ โดยการรวมหลายโครงการเข้าด้วยกัน
1. บัตรเดิมจะถูกยกเลิกทั้งหมด (ยกเว้นกรณีตามข้อ 6)
2. สิทธิประโยชน์ด้าน non-tax เช่น ช่างฝีมือ ที่ดิน จะได้รับอยู่ตามเดิม
3. สิทธิด้านภาษีเงินได้
- ยกเว้นภาษีเงินได้ 3 ปี ไม่เกินร้อยละ 50 ของมูลค่าการลงทุนปรับปรุงฯ
จากรายได้ของกิจการที่ดำเนินการอยู่เดิม โดยเริ่มนับตั้งแต่วันถัดจากวันออกบัตรปรับปรุงฯ
4. สิทธิด้านเครื่องจักร
- ยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร เฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการปรับปรุงฯ
- ส่วนเครื่องจักรในส่วนของโครงการเดิม ให้ได้ตามสิทธิเดิม เช่น หากโครงการเดิมได้รับสิทธินำเข้าเครื่องจักรตลอดระยะเวลาที่ได้รับส่งเสริม จะยังคงให้ได้รับสิทธิในส่วนนั้นตามที่ได้รับอยู่เดิม
5. สิทธิด้านวัตถุดิบ
- ได้รับตามสิทธิของโครงการเดิม เช่น หากโครงการเดิมมีทั้งโครงการที่ได้รับสิทธิ ม.36 และโครงการที่ไม่รับสิทธิ ม.36 ก็จะได้รับสิทธิตามที่ได้รับอยู่เดิมเช่นกัน
6. ไม่จำเป็นต้องนำผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของทุกโครงการ มายื่นขอปรับปรุงฯ ก็ได้
เช่น บัตรที่ 1 ผลิตสินค้า A บัตรที่ 2 ผลิตสินค้า A และ B
อาจยื่นคำขอปรับปรุงฯ เฉพาะในส่วนของผลิตภัณฑ์ A ก็ได้
ผลที่เกิดขึ้นคือ
- จะเกิดบัตรปรับปรุงฯ ฉบับใหม่ ผลิตสินค้า A (เป็นการรวม A ของบัตรที่ 1 และบัตรที่ 2)
- บัตรที่ 1 จะถูกยกเลิก เนื่องจากมีการออกบัตรปรับปรุงฯ
- บัตรที่ 2 จะถูกแก้ไขเป็นผลิตสินค้า B เท่านั้น
7. การดำเนินการขั้นตอนต่างๆ เช่น ตอบรับมติ ขอออกบัตร ขอใช้สิทธิต่างๆ ส่วนใหญ่จะเป็นไปตามขั้นตอนตอนปกติ แต่มีเรื่องที่ต้องระมัดระวัง เช่น
7.1 วัตถุดิบ
- ต้องสร้างบัญชีรายการสต็อกวัตถุดิบใหม่ (เนื่องจากส่วนใหญ่จะต้องแก้ไข group no ใหม่ทั้งหมด) และขอโอนย้ายยอดวัตถุดิบคงเหลือ และโอนย้ายสูตรการผลิต ไปยังบัตรปรับปรุงฯ
7.2 ช่างฝีมือ
- อาจต้องขอแก้ไข/เปลี่ยนแปลงตำแหน่งที่อาจซ้ำซ้อนกัน
7.3 เครื่องจักร
- การจัดการเครื่องจักรที่นำเข้ามาในโครงการเดิม เช่น การขอจำหน่าย ตัดบัญชี ฯลฯ ต้องยื่นในโครงการใหม่ โดยถือเป็นรายการนอกบัญชีของบัตรปรับปรุงฯ เป็นต้น
การยื่นคำขอปรับปรุงฯ กรณีรวมหลายบัตร (ทั้งกรณีรวมเต็มบัตร และรวมไม่เต็มบัตร)
ควรปรึกษากับ จนท BOI ที่รับผิดชอบงานด้านนั้นๆ เพื่อเตรียมความพร้อมไว้ล่วงหน้า จะได้ไม่เกิดปัญหาในทางปฏิบัติ ครับ
ขออนุญาตสอบถามเพิ่มเติม เรื่องสิทธิประโยชน์การได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 3 ปี เป็นสัดส่วนร้อยละ 50 ของเงินลงทุน ซึ่งได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ นิติบุคคลจากรายได้ของกิจการที่ดำเนินการอยู่เดิม โดยระยะเวลายกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ให้นับจากวันที่มีรายได้ภายหลังได้รับบัตรส่งเสริม และจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 3 ปี นับจากวันออกบัตรส่งเสริม
คำถาม หากบริษัทได้รับบัตรส่งเสริมออกวันที่ 1 มีนาคม 2568
โดยมีแผนลงทุนปรับปรุงเครื่องจักร 60 ล้านบาท สามารถลดหย่อนได้ร้อยละ 50 คือ 30 ล้านบาท
โดยผลตัวชี้วัดที่คำนวณล่วงหน้าสามารถประหยัดค่าไฟได้ปีละ 10 ล้านบาท
แต่บริษัทนำเข้าเครื่องจักรและเริ่มใช้ในเดือน มกราคม 2569
หากครบกำหนด 3 ปี หลังจากได้รับบัตรส่งเสริมแล้ว
ปีที่ 1 ไม่มีผลตัวชี้วัดจริง เนื่องจากเครื่องจักรเริ่มนำเข้าและใช้จริงในปีที่ 2 หลังได้รับบัตร บริษัทจะสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีตามตัวชี้วัดที่คำนวณล่วงหน้าปีละ 10 ล้านบาทได้หรือไม่?
ปีที่ 2 มีผลตัวชี้วัดสามารถลดค่าไฟได้ 10 ล้านบาท / ใช้สิทธิลดหย่อน 10 ล้านบาท
ปีที่ 3 มีผลตัวชี้วัดสามารถลดค่าไฟได้ 10 ล้านบาท / ใช้สิทธิลดหย่อน 10 ล้านบาท
บริษัทจะได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเท่าไร จะขึ้นอยู่กับผลการประหยัดไฟจริงในระยะเวลา 3 ปีหลังได้รับบัตร
หรือจำนวนเงินร้อยละ 50 ของเงินที่ลงทุน
ขอบคุณค่ะ
ขอเวลาตรวจสอบข้อมูล และจะแจ้งคำตอบให้ทราบต่อไปครับ
BOI กำหนดตัวชี้วัดของการลงทุนตามมาตรการประหยัดพลังงาน คือ
มูลค่าพลังงานที่ประหยัดได้ใน 5 ปี ต้องไม่น้อยกว่ามูลค่ายกเว้นภาษีเงินได้ใน 3 ปี
โดยกำหนดมูลค่ายกเว้นภาษีเงินได้เป็นสัดส่วน 50% ของมูลค่าการลงทุนประหยัดพลังงาน
ขอสรุปและตอบคำถามดังนี้
1. บริษัทจะลงทุนตามมาตรการประหยัดพลังงาน โดยมีมูลค่าการลงทุน 60 ล้านบาท
โดยในปีที่ 1 จะประหยัดพลังงานได้ 0 บาท
และปีที่ 2-4 จะประหยัดพลังงานได้ปีละ 10 ล้านบาท
2. ดังนั้น จะประหยัดพลังงานใน 5 ปี ได้จำนวน 40 ล้านบาท
ซึ่งไม่น้อยกว่ามูลค่าการยกเว้นภาษีเงินได้คือ 30 ล้านบาท (สัดส่วน 50% ของมูลค่าการลงทุน 60 ล้านบาท)
3. กรณีนี้จึงเป็นไปตามตัวชี้วัดของมาตรการประหยัดพลังงาน
สามารถใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้เต็มวงเงิน 30 ล้านบาท ตั้งแต่ปีที่ 1 บนความรับผิดชอบของบริษัทเอง
4. แต่หากในการตรวจสอบเปิดดำเนินการ พบว่าบริษัทปฏิบัติไม่ได้ตามโครงการที่ขอรับส่งเสริม
อาจถูกเพิกถอนสิทธิ และต้องชำระภาษีและค่าปรับ ในส่วนที่ใช้สิทธิยกเว้นภาษีไปแล้ว
5. และในเมื่อปีที่ 1 (ปี 2568) จะยังไม่มีการลงทุนใดๆ
บริษัทอาจจะชลอการยื่นขอรับส่งเสริม (หรือชลอการออกบัตรส่งเสริม) เพื่อให้ปีที่ 1 เป็นปีที่จะเริ่มการลงทุนจริง
ซึ่งจะทำให้มูลค่าพลังงานที่จะประหยัดได้ เพิ่มสูงขึ้นเป็น 50 ล้านบาท
การตรวจสอบตามเงื่อนไขตัวชี้วัด ยิ่งจะไม่น่าจะเกิดปัญหาใดๆ ครับ